วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

16 เรื่องจริงเกี่ยวกับเกาหลี ที่คุณอาจไม่รู้ !?

1. บนรถไฟใต้ดินที่เกาหลี จะมีคนเอาของขึ้นมาขายบ่อยๆ แล้วจะพูดขายของเสียงดังมาก
โดยส่วนมากจะลากใส่รถเข็นขึ้นมา ที่เห็นบ่อยๆ ก็เช่น ถุงใส่ผ้า ยาขัดรองเท้า ถุงเท้า
2. บนรถไฟใต้ดินจะมีที่นั่งของคนชรา คนท้อง และคนพิการแยกอยู่ ซึ่งคนปกติทั่วไปไม่ควรนั่งเด็ดขาดไม่งั้นจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ
3. คนเกาหลีจะนิยมส่งเมสเสจหากันมากกว่าโทรไปหาโดยตรง และคนเกาหลีตัวจริงจะกดแป้นโทรศัพท์กันไวมาก โดยปีล่าสุดคนเกาหลีใต้เคยไปแข่งกดส่ง sms และได้รางวัลที่ 1 ระดับโลก

4. ที่ว่าคนเกาหลีกินหมานั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่ทุกคน หาได้ง่ายตามต่างจังหวัด ส่วนเมืองหลวง (กรุงโซล) อาจหายากหน่อยแต่ก็ไม่ยากเกินไป นอกจากหมาแล้ว แมวก็กินด้วย
5. ประเทศไทย นักศึกษาบางคนจะใส่ชุดนักศึกษาตัว
เล็กจนรัด แต่ที่เกาหลี นักเรียนบางคนจะใส่ชุดนักเรียนตัว
เล็กจนรัดมาก (แต่ส่วนมากจะใส่เสื้อทับนะ)

6. และชุดนักเรียนเกาหลีราคาแพงมากกกกกกกกกก
ชุดนึงตกประมาณ 7-8 พันบาทจนไปถึงเป็นหมื่นบาท
7. เด็กนักเรียนเกาหลีแทบทุกคนต้องเรียนพิเศษ การ
เรียนพิเศษเลิก 4 ทุ่มทุกวัน ถือเป็นเรื่องธรรมดา ช่วงสอบ
ปลายภาคอาจมีคอร์สพิเศษเปิดสอนถึงตี 2 โดยเฉพาะวิชา
เลขเป็นวิชาที่เด็กเกาหลีทุ่มเทมากๆๆ
8. พ่อแม่คนเกาหลีจำนวนมากยอมย้ายบ้านเพื่อมาส่งลูกเรียนในโรงเรียนดีๆ ที่อยู่ต่างเมือง
เช่น บ้านอยู่ปูซาน แต่จะส่งลูกเข้าเรียนในกรุงโซล ก็จะพากันย้ายมาอยู่โซลกันทั้งครอบครัว โดยส่วนมากจะเป็นช่วงมัธยมต้นและปลายของลูก

9. หน้างานคอนเสิร์ตทุกงาน จะมีลุงหรือป้าแก่ๆ มาขายแท่งไฟ ขายป้ายชื่อ ขายกล้องส่องทางไกลและสินค้าอื่นๆ ของศิลปิน ถ้าเป็นหน้าหนาว ลุงหรือป้าคนนั้นจะเปลี่ยนอาชีพมาเดินขายผ้าห่มหน้าคอนเสิร์ตนั้นๆ แทน
10. คนเกาหลีไม่ได้ศัลยกรรมทุกคน อย่าเข้าใจผิด เพียงแต่การ
ศัลยกรรมที่นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดา คนจึงทำกันเยอะ อย่าไปเรียก
ประเทศเค้าว่าเป็นประเทศคนหน้าพลาสติก

11. เวลาคนเกาหลีไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนทั่วไปไปกิน
เหล้า ส่วนมากหลังจากเปิดขวด จะใช้แก้วใบเดียวรินเหล้าแล้วค่อยๆ
ดื่มทีละคน แล้ววนกันไปจนครบทุกคนก่อน 1 รอบโดยใช้แก้วใบ
เดียวกัน หลังจากนั้นค่อยต่างคนต่างดื่ม แก้วใครแก้วมัน

12. เวลาย้ายบ้าน คนที่ย้ายไปใหม่จะต้องเอาขนมต๊อกไปมอบ
ให้แก่เพื่อนบ้าน ถือเป็นการทำความรู้จักและผูกมิตรในขั้นต้น

13. เวลาซื้อของกินตามแผงข้างทางแล้วยืนกินตรงแผงนั้น ควร
จะกินให้หมดเลย เพราะป้าเจ้าของร้านบางร้านจะเอาของที่กินไม่
หมด เอาลงไปผัดในกะทะแล้วขายต่อ





14. ในเกาหลี ผู้ชายสามารถบ้าดาราได้อย่างเปิดเผยและออกรสออกชาติมาก เวลาไปดูคอนเสิร์ตจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเจอแฟนคลับกลุ่มผู้ชายตะโกนโหวกเหวกยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก

15. วันสอบเอนทรานซ์ของเด็กเกาหลี (เรียกว่าซูนึง) เป็นวันที่ถือว่าสำคัญมากๆๆ อาจารย์ผู้หญิงห้ามใส่รองเท้าส้นสูงเพราะถือว่าเดินแล้วเสียงดังจะทำลายสมาธิเด็ก คนทำงานอนุญาตให้เข้างานสายได้กว่าปกติ เพราะต้องออกจากบ้านช้า เนื่องจากให้นักเรียนรีบออกไปสอบก่อน รวมถึงในคาบสอบการฟัง สายการบินต่างๆ จะงดเที่ยวบินในช่วงเวลานั้น เนื่องจากเกรงว่าเสียงเครื่องบินจะรบกวนการทำข้อสอบ



16. มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาหลีคือ มหาวิทยาลัยโซล มหาวิทยาลัยโคเรีย และมหาวิทยาลัยยอนเซ คนเกาหลีเรียกรวมกันว่า SKY โดยมาจากตัวอักษรตัวแรกของแต่ละมหาวิทยาลัย

ที่มา http://www.dek-d.com/content/studyabroad/18742/16-เรื่องจริงเกี่ยวกับเกาหลี-ที่คุณอาจไม่รู้-.htm

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

ปุลากง

ปุลากง เป็นหนังสือนอกเวลา ที่อ่านตอนชั้น ม. สี่
เข้ม หรือศกร เป็นคนเจ้าอารมณ์ เป็นลูกของภรรยาคนที่สอง ซึ่งเข้มก็ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพี่นอื่นๆ และพ่อก็มีความลำเอียงต่อเข้มมาก แต่ก็มีพี่เพียงคนเดียวที่เข้มรักและนับถือ คือคุณอัมพิกา ซึ่งพิการ ดินไม่ได้ เข้มมีหน้าที่ไปรับไปส่งคุณอัมพิการที่เรียนเปียโนข้างบ้าน และบ้านที่สอนเปียโนมีลูกสาวชื่อ หนูตุ่น หรือ ศุภรา และมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายชื่อ วีรุทย์
ด้วยความฝังใจเเต่เด็กของเข้ม เรื่องพ่อ ทำให้เข้มตัดสินใจเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อที่จบมาจะแยกตัวออกจากบ้านเดิม และพาแม่ของตนไปด้วย เข้มสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีภรรยาลายคนเดีดขาด
แต่แม่ของเข้มไม่ยอมออกจากบ้าน เพราะรักพ่อของเข้ม ยอมทน เมื่อเข้มเรียนจบ ก็ได้เป็น ร้อยตำรวจเอก พ่อก็บอกว่าจะช่วยให้ทำงานในเอง แต่เข้มไม่ยอม ยอมทำงานในถิ่นกันดาร พ่อจึงต่อว่าว่า กินอุดมการ จะได้ไม่ตายดี
เข้มได้ย้ายไปทำงานที่ภาคใต้ ซึ่งหนูตุ่นก้อทำงานที่ ปุลากง เข้มก็ทำงานแถวนั้น ต่างคนต่าง แต่ทั้งคู่ต่างไม่บอกซึ่งกันและกัน
เนื้อหาในส่วนนี้จะทรอกทรกเนื้อหา เพื่อสร้างความรักชาติตลอด
ครั้งหนึ่งวีรุทย์มีภรรยา ท้อง แต่ไม่ได้แต่งงาน แต่เต้องไปทำงานที่อื่น และเสียชีวิต ทำให้ภรรยาเขาเสียใจมาก เกิดภาพหลอน เดินลงน้ำเชี่ยว จมน้ำตาย ในขณะเดียวกันที่เข้ม ต้องย้านไปทำวานที่อันตรายมาก
ศุภราก็ได้ย้ายไปทำงาน จนพบเข้มนอนบาดเจ็บสาหัสที่โรงพยาบาล ตอนนี้ ศุภราและเข้มต่างรู้ใจตนเอง
ศุภราไปเยี่ยมลูกศิษที่ปุลากง เข้มจึงตามไปเพื่อสารภาพรัก ทั้งคู่จึงรักกัน


ข้อคิด
รักชาติ ไม่คดโกง ซื่อสัตย์
มีคู่ครองคนเดียว
รักลูกทุกคนเท่ากัน
ไม่โลภมาก

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

หลังปีใหม่

ปีใหม่ ในที่สุดก็ผ่านพ้นมา สี่วัน
เห้ออ
งานลอยมา สอบลอยมา อ่ากกก
เรื่องเศร้ามาอีกแล้ว วัยพุธอดไปดรีมเวิร์ลกะแม่ ง่า เซ็งสุดๆ
คาเรียนพิเศษเกือบหมื่นและนะ ฮึกๆ


วันนี้ไปรพ.ผิวหนังมาอีกแล้ว เก้าร้อยอีกจนได้ ไปมาห้าครั้ง ก็ สี่พันห้าแล้วสินะ
พอกันที T^T



ประหยัด มาประหยัดกันเถอะ เกรงใจแม่จัง กีหมื่น กี่แสนแล้วเนี่ยะ ปีนี้ ~

หมีแพนด้าๆ ๆ

ลองเข้าไปดูได้ที่ http://www.dek-d.com/content/lifestyle/18498/โชว์กายกรรมจากแพนด้า-ที่รับรองว่า-น่ารัก.htm นะ

นอกจากในเมืองไทยจะมี “หลิงปิง” แล้ว น้องๆ ชาว Dek-D.Com ทราบกันรึเปล่าจ๊ะว่า ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มืแพนด้าที่น่ารัก ชื่อ “ไท่ซาน” เหมือนกันจ้ะ พี่ปัดขอบอกว่าความน่ารักของแพนด้าตัวนี้ ไม่น้อยไปกว่าหลินปิงเลยจ้ะ


โชว์กายกรรมจากแพนด้า ที่รับรองว่า "น่ารัก"



โดย “ไท่ซาน” อายุ 4 ปี เป็นแพนด้ายักษ์ที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์แห่งชาติกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้สร้างพฤติกรรมความน่ารักให้กับเจ้าหน้าที่ และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมสวนสัตว์เป็นอย่างมาก เพราะ ไท่ซานที่นั่งหลับเคลิ้มอยู่ภายในกรงนั้น อยู่ๆ ก็ค่อยๆ โน้มตัวจนกลิ้งเป็นท่าม้วนหน้าตกขอบปูนซีเมนต์ลงบนสนามหญ้า

20 สิ่งที่แสดงความเป็นผู้ดีอังกฤษ

1. ยืนต่อแถว ในประเทศอังกฤษการเข้าแถวต่อคิว
ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออาหาร การรอรถบัส หรืออื่นๆ
ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก

2. ถอดหมวกทุกครั้งเมื่อเข้าในร่ม (เฉพาะผู้ชาย)
โดยเฉพาะในโบสถ์ที่ต้องถอดหมวกทุกครั้งเมื่อเข้า
ไป แต่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่
นิยมถอดหมวกเมื่อเข้าไปในที่ร่ม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่อง
ที่ไม่สุภาพ

3. พูด "Excuse me" เช่น ถ้ามีคนมายืนขวาง
ทางเรา เราต้องพูด Excuse me เพื่อขอให้เค้า
ช่วยหลีกทาง

4. จ่ายเงินในสิ่งที่ตัวเองเป็นคนสั่ง เมื่อไปทานข้าว
กับใครก็ตาม ถ้าเราเป็นคนสั่งอาหารหรือเครื่องดื่ม
นั้นให้ฝ่ายตรงข้าม เราต้องจ่ายเงินในส่วนนั้นด้วย

5. Please / Thank you เรียกได้ว่าเป็นคำพูด
ติดปากของคนอังกฤษ ซึ่งหากใครไม่พูดคำนี้เวลา
ขอร้องและขอบคุณ ถือว่าไม่มีมารยาท

6. เมื่อต้องการไอหรือจาม ต้องใช้มือปิดปากทุก
ครั้ง



7. เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักเพื่อนใหม่ ควรทักทายด้วยการจับมือขวา
8. พูดคำว่า Sorry เช่น เดินชนผู้อื่น ถึงแม้จะเป็นความผิดของอีกฝ่าย แต่เราควรจะเอ่ยปากว่า
ขอโทษก่อน
9. ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม หน้าที่ยิ้มคือหน้าที่บ่งบอกการต้อนรับผู้อื่น
10. เปิดประตูให้อีกฝ่าย ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ถ้าใครเดินถึงประตูก่อนคนแรก ต้องเป็นคนเปิดประตู
ให้อีกฝ่ายด้วย

11. ไม่ทักทายกันด้วยการจูบ จะจูบเฉพาะกับเพื่อน
สนิทหรือญาติพี่น้องเท่านั้น

12. ไม่คุยเสียงดังในที่สาธารณะ

13. ไม่จ้องมองคนอื่นในที่สาธารณะ เพราะถือว่าเป็น
การทำลายความส่วนตัว

14. ไม่ถามอายุของผู้หญิง ถือว่าเป็นการไม่
สุภาพอย่างมาก

15. ไม่ถามคำถามส่วนตัว เช่น หนักเท่าไหร่ มีเงิน
เก็บเท่าไหร่ หรือ ทำไมยังไม่แต่งงาน (คนไทยชอบ
ถามกันมากๆ)

16. ไม่พูดคุยในขณะที่มีอาหารอยู่เต็มปาก

17. ไม่เรอเสียงดังหลังจากกินหรือดื่ม แต่ถ้าอดไม่ได้
จริงๆ ก็ให้ปิดปากและเอ่ยว่า Excuse me

18. ไม่ถุยน้ำลายบนถนน ถือว่าเป็นสิ่งที่หยาบคาย
มากๆ

19. ไม่ควรผายลมในที่สาธารณะ ถ้าอดไม่ได้จริงๆ ให้พูดว่า Pardon me หรือ Excuse me
20. ไม่ควรสั่งน้ำมูกในที่สาธารณะ หรือไม่งั้นควรใช้ผ้าเช็ดหน้า
ที่มา http://www.dek-d.com/content/studyabroad/18516/-20-สิ่งที่แสดงความเป็น-ผู้ดีอังกฤษ.htm

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

สิ้นสุด แยกย้าย

วันนี้เราก็คิดว่าบ้านใครหลายๆคนที่ไปเยี่ยมญาติ หรือญาติมาเยี่ยม ก็คงจะเริ่มแยกย้ายกันแล้ว
บ้านเราก็เหมือนกัน เริ่มแยกย้ายกันตั้งแต่เมื่อวานตอนประมาน เที่ยงคืน
ส่วนวันนี้ก็คงปรมาณบ่ายๆ จะแยกกลับบ้านอีก

เวลามันช่างผ่านไปรวดเร็ว


.... การบ้านยังไม่ได้ทำ มัวลั้นลาอยู่นั่นเอง ฮ่าๆ
งานเข้าเลย วันเสาร์แล้ว
คึๆๆ

happy new year

ปีใหม่แล้ววว ว
ปีนี้พ่อให้ notebook เป็นของขวัญ ดีใจจัด
เพราะคอมมันเต่ามาก notebook เร็วกว่าเยอะอ่ะ ฮี่ๆ

ที่บ้านเราก็เลี้ยงกัน กินหมูทะๆกันที่บ้าน
อร่อยๆ ฮ่าๆ

ปีนี้ก็ขอให้ทุกๆคน มีสุขภาพเเข็งแรง
คิดอะไรก็ขอให้สมหวังเน้อ